ตามที่ฉันได้กล่าวถึงในสัปดาห์นี้ ความสนใจหลักในปัจจุบันอยู่ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) และการปิดตัวของรัฐบาลที่ยังคงดำเนินอยู่ ฉันไม่เชื่อว่าปัญหาทางการเมืองในฝรั่งเศสจะสำคัญเพียงพอให้ผู้เข้าร่วมตลาดยังคงตอบสนองต่อนี้ต่อไปอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ ในความคิดเห็นของฉัน การปิดตัวของรัฐบาลมีความสำคัญมากกว่า เนื่องจากสิ่งนี้ขัดขวางไม่ให้ Fed ได้รับข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ อัตราการว่างงาน และตลาดแรงงานของเดือนกันยายน การปิดตัวครั้งนี้ยังส่งผลให้บางส่วนของการดำเนินงานของรัฐบาลต้องหยุดชั่วคราว และทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ นักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้คาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงในปีต่อๆ ไป แม้ว่าช่วงไตรมาสที่สองจะแข็งแกร่งก็ตาม และการปิดตัวนี้จะยิ่งทำให้แนวโน้มนี้แย่ลงไปอีก

ในมุมมองของฉัน ธนาคารกลางอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับความเสี่ยง — ลดอัตราดอกเบี้ยโดยที่ยังไม่รู้ชัดเจนว่าเศรษฐกิจกำลังตอบสนองต่อการผ่อนคลายครั้งก่อนอย่างไร ลองจินตนาการว่าหลังจากการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ค่า CPI (ดัชนีราคาผู้บริโภค) เพิ่มขึ้นอีก ในเดือนสิงหาคมมันเพิ่มขึ้นถึง 2.9% และตามคาดการณ์บางตัว มันอาจจะเกิน 3% ต่อปีในเดือนกันยายน ดังนั้น Fed จะสามารถอธิบายการดำเนินนโยบายผ่อนคลายในขณะที่เงินเฟ้อกำลังขึ้นต่อเนื่องได้อย่างไร?

สิ่งที่ฉันบอกคือ การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไปของ Fed นั้นดูไม่ชัดเจนเสมอไปกว่าที่ตลาดคิด โดยเฉพาะตลาดฟิวเจอร์ส ความคิดเห็นนี้สะท้อนในเครื่องมือ CME FedWatch ซึ่งตามเครื่องมือนี้ ความน่าจะเป็นของการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 95% และในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 82% กล่าวง่ายๆ คือ ผู้เข้าร่วมตลาดไม่ได้พิจารณาผลลัพธ์ทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการลดอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้ง

และฉันเชื่อว่านั่นคือความผิดพลาด หรือบางที CME FedWatch Tool อาจสะท้อนอารมณ์ตลาดที่บกพร่อง ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความต้องการในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น และถ้าเราสมมติว่าปัญหาฝรั่งเศสแทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ความต้องการดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากความคาดหวังที่ลดลงว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินจะถูกใช้เพิ่มเติม ในแง่นั้น ทุกอย่างดูมีเหตุผลเป็นอย่างมาก ส่วนตัวแล้วฉันสงสัยว่า Jerome Powell จะสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยอีกแม้เพียงหนึ่งครั้งหลังจากที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งเกิน 3% ภาพปัจจุบันอาจมีความผิดพลาดอยู่ที่ไหนสักแห่ง — ตลาดฟิวเจอร์สอาจเชื่อในมาตรการผ่อนคลาย แต่ตลาด FX ดูเหมือนกำลังส่งสัญญาณในทางตรงกันข้ามจากพฤติกรรมของมัน

รูปแบบคลื่นสำหรับ EUR/USD:

จากการวิเคราะห์ EUR/USD ล่าสุดของฉัน คู่เงินสกุลนี้ยังคงสร้างเทรนด์ที่เป็นขาขึ้น รูปแบบของคลื่นยังขึ้นอยู่กับบรรยากาศทางข่าวโดยเฉพาะการตัดสินใจด้านนโยบายจาก Donald Trump และวาระในประเทศและต่างประเทศของการบริหารงานของสหรัฐชุดใหม่

เซ็กเมนต์คลื่นปัจจุบันอาจขยายไปถึงระดับ 1.25 ในขณะนี้ ตลาดกำลังสร้างคลื่นแก้ไขที่ 4 ซึ่งอาจใกล้ถึงจุดสิ้นสุด โครงสร้างคลื่นที่เป็นบูลลิชยังคงสมบูรณ์ ดังนั้นฉันยังคงพิจารณาเฉพาะตำแหน่งยาว ภายในสิ้นปีฉันคาดว่าค่าเงินยูโรจะขึ้นไปถึงประมาณ 1.2245 ซึ่งสอดคล้องกับ Fibonacci ระดับ 200.0%

รูปแบบคลื่นสำหรับ GBP/USD:

รูปแบบคลื่นสำหรับ GBP/USD กลายเป็นที่ซับซ้อนมากขึ้น เรากำลังรับมือกับคลื่นที่เป็นการผลักดันขึ้น แต่โครงสร้างภายในของมันกลายเป็นที่อ่านยากขึ้น

หากคลื่นที่ 4 พัฒนาเป็นการก่อตัวสามคลื่นที่ซับซ้อน โครงสร้างคลื่นโดยรวมอาจกลับคืนสู่ความสมดุล อย่างไรก็ตาม นี่จะทำให้คลื่นที่ 4 ยืดเยื้อมากกว่าและซับซ้อนกว่าคลื่นที่ 2 ในความเห็นของฉัน จุดอ้างอิงที่ดีที่สุดในขณะนี้คือระดับ 1.3341 ซึ่งสอดคล้องกับระดับ Fibonacci ที่ 127.2% ความล้มเหลวในการเจาะสองครั้งบ่งบอกว่าตลาดพร้อมที่จะซื้อเมื่อราคาลดลง ความล้มเหลวครั้งที่สามอาจทำให้ราคาห่างจากระดับต่ำสุดล่าสุดอีกครั้ง เป้าหมายของฉันสำหรับคู่สกุลเงินนี้ยังคงอยู่เหนือระดับ 1.38

หลักการวิเคราะห์หลักของฉัน:

1. โครงสร้างคลื่นควรเป็นเรื่องง่ายและชัดเจน การก่อตัวที่ซับซ้อนจะยากต่อการซื้อขายและมักจะสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น
2. ถ้าไม่มีความมั่นใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาด ควรอยู่ห่างไว้
3. ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความมั่นใจอย่างสมบูรณ์ในทิศทางของตลาด จึงควรใช้คำสั่ง Stop Loss เพื่อป้องกันการขาดทุน
4. การวิเคราะห์คลื่นสามารถผสมผสานกับการวิเคราะห์และกลยุทธ์การซื้อขายอื่นๆ ได้สำเร็จ